บทที่ 3 ตอนที่ 3
มะลิเม้มปากแน่น และก็ตระหนักดีกว่าหล่อนควรจะคุยกับเจ้าชายรูปงามองค์นี้ให้จบเรื่องจบราวไป ก่อนที่ฮัสซันจะกลับจากโรงเรียน
“งั้นก็... เชิญค่ะ”
หญิงสาวผายมือไปด้านหน้าอย่างไม่เต็มใจนัก เซรีมอมยิ้มหยันเล็กน้อย ก่อนจะเดินนำขึ้นบันไดไม้เก่าๆ ขึ้นไปด้านบน มะลิก้าวตามขึ้นไป
“เชิญนั่งก่อนนะคะ ฉันจะไปเอาน้ำมาให้”
เซรีมพยักหน้ารับ ขณะกวาดตามองไปรอบๆ ตัวบ้านไม้ที่ช่างแตกต่างจากราชวังที่เขาอยู่ราวฟ้ากับเหว
“น้าคาริสทนอยู่ที่นี่ได้ยังไงกันนะ”
เขาเดินดูไปรอบๆ และก็ยิ่งค้นพบว่าตัวเองควรจะรีบพาฮัสซันกลับไปซาเรียให้เร็วที่สุด เพราะแทบไม่ต้องคาดเดาเลยว่าชีวิตของฮัสซันยามอยู่ที่นี่อัตคัดขัดสนแค่ไหน
ชายหนุ่มถอนใจออกมาอย่างสังเวชใจ ก่อนจะเดินกลับไปยังระเบียงไม้ และทรุดเรือนกายใหญ่โตเต็มเก้าอี้ของตัวเองลงนั่ง เมื่อผู้หญิงที่เขาคิดว่าเป็นเมียเก็บของน้าชายเดินกลับมาพร้อมกับแก้วน้ำในมือ
“มีแต่น้ำเปล่า ไม่รู้คุณ... เอ่อ เจ้าชายจะดื่มได้หรือเปล่า”
เขารับแก้วน้ำมาจากมือของหล่อน แต่ระหว่างที่ยื่นมือออกไปนั้นนิ้วแกร่งสัมผัสเข้ากับปลายนิ้วเรียวของเจ้าหล่อนโดยบังเอิญ เขาเสมือนถูกไฟฟ้าช็อร์ตไปทั้งเรือนร่าง ความปรารถนาที่มีต่อผู้หญิงตรงหน้ากระพือขึ้นอย่างบ้าคลั่งอีกครั้ง
หากมือนุ่มสองข้างนี้กอบกุมรอบความเป็นชายของเขาล่ะ แล้วก็ขยับรูดขึ้นลงด้วยจังหวะเสน่หา เขาจะรู้สึกยังไงนะ จะรู้สึกฟิน จะรู้สึกดีแค่ไหนกัน
โอ้... พระเจ้า หยุดคิดเดี๋ยวนี้นะเซรีม!
เขาสั่งตัวเองให้หยุดคิดเรื่องใต้สะดืออย่างดุเดือด แต่คงไม่ใช่เขาคนเดียวหรอกที่กำลังรู้สึกร้อนฉ่าเพราะความต้องการทางเพศ ผู้หญิงตรงหน้าของเขาก็คงไม่ต่างกัน เพราะเขาเห็นหล่อนหน้าแดงก่ำ กลีบปากหนาอิ่มเต็มเผยอกว้าง และดวงตาก็จ้องมองเขาไม่หยุด
หล่อนร่านร้อน...
เซรีมสรุปให้กับตัวเองเสร็จสรรพ และก็ด่าทอตัวเองในอกลั่น ที่เกิดไปติดอกติดใจเมียเก็บของน้าชายตั้งแต่แรกเห็นแบบนี้ มันน่ารังเกียจ และเขาจะไม่ยอมให้ความรู้สึกน่าสะอิดสะเอียนอย่างนี้เกิดขึ้นอีกเด็ดขาด
เจ้าชายหนุ่มยกแก้วน้ำขึ้นดื่มอึกใหญ่ ก่อนจะกระแทกแก้วเปล่าลงกับโต๊ะไม้เก่าเก็บเบื้องหน้าแรงๆ เพื่อระบายอารมณ์สวาทที่อัดแน่นอยู่ในอก
“นั่งเถอะ เรามีเรื่องต้องคุยกัน”
มะลิเลือกเก้าอี้ตัวที่อยู่ห่างไกลจากเจ้าชายหนุ่มที่สุด และทรุดตัวนั่งลงไป ร่างกายของหล่อนยังคงสั่นเทา และร้อนฉ่าจากสัมผัสจากปลายนิ้วแกร่งเมื่อครู่นี้
“รีบพูดมาค่ะ อีกหนึ่งชั่วโมงข้างหน้า ฉันจะไม่ว่าง”
เพราะหล่อนต้องไปรับฮัสซันจากโรงเรียนอนุบาลนั่นเอง
“เธอรู้ใช่ไหมว่าฮัสซันเป็นคนของราชวงศ์ซาเรีย”
หล่อนรู้อยู่แก่ใจ แต่ก็ไม่คิดจะยอมรับ
“ตอนนี้แกอยู่เมืองไทยค่ะ และฉันก็เป็นผู้ปกครองตามกฎหมายของแกด้วยค่ะ”
มะลิคิดว่าตัวเองถือไพ่เหนือกว่าเจ้าชายรูปงามตรงหน้า เพราะท่านคาริสได้เขียนพินัยกรรมยกฮัสซันให้เป็นลูกบุญธรรมของหล่อนก่อนที่ท่านจะสิ้นใจ
“เธอแค่เป็นเมียคนที่สองของน้าคาริส”
เซรีมระบายยิ้มบางๆ ท่าทางของเขาสง่างามทุกกระเบียดนิ้ว ไม่ว่าจะอยู่ในอิริยาบถใดก็ตาม
มะลิหน้าแดงก่ำกับคำกล่าวหาไร้ความจริงที่ได้ยิน แต่กระนั้นก็ไม่คิดจะปฏิเสธ เพราะการปล่อยให้เขาคิดแบบนั้นมันทำให้หล่อนมีภาษีเหนือกว่าการเป็นแค่สาวใช้
“และฉันมั่นใจว่าน้าคาริสไม่มีทางจดทะเบียนสมรสกับเธอ จริงไหม”
“ค่ะ”
เซรีมระบายยิ้มหยันอีกครั้ง พยายามสะกดกลั้นความพึงพอใจที่มีต่อผู้หญิงตรงหน้าเอาไว้สุดความสามารถ
“ดังนั้นเธอจึงไม่มีสิทธิ์ใดในตัวของฮัสซัน”
“ก็อย่างที่บอกไปแล้วนั่นแหละค่ะ ตอนนี้ฉันเป็นผู้ปกครองตามกฎหมายของฮัสซัน”
“เป็นไปไม่ได้”
“ท่านคาริสเขียนพินัยกรรมเอาไว้ก่อนสิ้นใจค่ะ คุณอยากจะดูพินัยกรรมนั้นไหมคะ”
เซรีมขบฟันแน่น เริ่มรู้สึกถึงความร้ายกาจที่มีมากพอๆ กับความน่าปรารถนาของผู้หญิงตรงหน้า
“ฉันไม่ต้องการดูหรอก ฉันแค่ต้องการตัวฮัสซันกลับไปซาเรียเท่านั้น”
“งั้นก็คงต้องทำให้เสียเวลาเปล่าค่ะ เพราะฉันไม่มีทางยอมให้เรื่องที่เจ้าชายต้องการเกิดขึ้นอย่างแน่นอน” มะลิผุดขึ้นยืน พยายามบังคับตัวเองไม่ให้สั่นเทา “เชิญเจ้าชายอย่างคุณกลับไปได้แล้วละค่ะ เสียใจด้วยนะคะที่ต้องขัดพระทัย”
เซรีมไม่ยอมขยับ สีหน้าของเขากระด้างขึ้น ก่อนที่คำพูดเย็นชาจะดังออกมา
“เธอต้องการเงินเท่าไหร่”
คนที่กำลังจะเดินหนีชะงักกึก หล่อนค่อยๆ หมุนตัวกลับมามองผู้ชายที่กำลังจะใช้เงินฟาดหัวตัวเอง ความกรุ่นโกรธพุ่งเข้าใส่ร่างอย่างบ้าคลั่ง หล่อนกัดฟันแน่น
“อย่ามาใช้วิธีนี้กับฉัน!”
“หนึ่งล้าน หรือว่า สองล้านดี กับการยกฮัสซันให้กับฉัน”
ผู้ชายที่หล่อเหลาปานเทพบุตรลุกขึ้นยืน และเดินมาหยุดตรงหน้าของหล่อน
“เธอมีแต่ได้กับได้น่า เงินก็ได้ แถมเวลาออกไปหาผู้ชายก็ยังไม่ต้องพะวงห่วงฮัสซันที่คอยอยู่ที่บ้านอีก เห็นไหม นี่คือทางออกที่แสนวิเศษสำหรับเธอ”
หล่อนไม่เคยโกรธใครหน้ามืดตามัวแบบนี้มาก่อนเลย มือเล็กข้างลำตัวกำแน่นเป็นหมัด
“ถึงฉันจะจน... แต่ฉันก็ไม่คิดจะขายฮัสซัน ฉันรักเขามาก รู้เอาไว้เสียด้วย!”
มะลิตะโกนใส่หน้าเซรีม หล่อนมองเขาด้วยความขุ่นเคือง หยาดน้ำตาเอ่อคลอ
เจ้าชายอย่างเขามีสิทธิ์อะไรมาพูดจาแบบนี้กับหล่อน และมีสิทธิ์อะไรมาดูถูกความรักที่หล่อนมีต่อฮัสซัน หล่อนเลี้ยงฮัสซันมาตั้งแต่เล็ก ตั้งแต่ที่นายหญิงพิกุลคลอดฮัสซันและจากไป หล่อนรักฮัสซันมาก รักเหมือนลูกแท้ๆ ของตัวเอง
“ฮัสซันไม่ใช่ลูกของเธอ เธอไม่มีทางรักเขาได้มากกว่าญาติพี่น้องของเขาหรอก”
“คุณมันคนจิตใจคับแคบ!”
